นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนมิถุนายน อยู่ที่ระดับ 81.62 ปรับขึ้นเล็กน้อย 5.1% จากเดือนก่อนหน้า ที่น่าสังเกตคือผลสำรวจพบว่า ปัจจัย ”หนุน” ที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ปัจจัย “ฉุด” ที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด ก็คือ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล
หนึ่งในปัจจัยในประเทศที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกำลังจับตามองคือ เสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาล และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้า ว่าผลการเลือกนายกฯ จะออกมาเป็นอย่างไร จบในรอบเดียวหรือไม่ เพราะปัจจุบันความไม่ชัดเจนทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งขะลอการลงทุน หากยิ่งเกิดความชัดเจนเร็วเท่าไร ก็เป็นผลดีต่อตลาดทุนไทย
"รวมไทยสร้างชาติ" เคาะชื่อแคนดิเดตนายกฯ แข่ง 11 ก.ค.นี้
"วันนอร์" เคาะ 13 ก.ค. วันเลือกนายกรัฐมนตรี
นายกอบศักดิ์ ยังบอกว่า สิ่งสำคัญคือยังต้องจับตาหน้าตาครม. ว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน พรรคไหนดูกระทรวงอะไร ซึ่งเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศรวมถึงแสดงความกังวลว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีเสถียรภาพหรือไม่ และนโยบายที่ประกาศไปจะนำมาสู่การปฏิบัติจริงมากน้อยแค่ไหน
ในการแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เอกชนคาดหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลหรือมีคณะรัฐมนตรี(ครม.) ชุดใหม่ ช้าสุดไม่เกินเดือนสิงหาคมนี้โดยหวังว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีกระแสข่าวลือต่าง ๆ นานา ออกมา อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก หวังให้มีบทสรุปเพื่อประเทศจะได้เดินหน้าต่อ อยากให้โหวตครั้งเดียวผ่าน
นายเกรียงไกร กล่าวด้วยว่า หากการจัดตั้งยิ่งช้าออกไปเท่าใดก็จะยิ่งกระทบเศรษฐกิจ รวมไปถึงความเชื่อมั่นต่อการลงทุน โดยเฉพาะตอนนี้ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติกำลังชะลอรอความชัดเจน หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าอาจทำให้นักลงทุนย้ายแผนการลงทุนไปประเทศอื่นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง